วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 4 เพราะเป็นหนี้

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 4 เพราะเป็นหนี้


ในส่วนของการมีหนี้ (debt) โดยเฉพาะ หนี้ส่วนบุคคล ผมขอยกตัวอย่างเป็น บัตรเครดิต ที่เดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายแสนง่าย เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาทก็ทำได้แล้ว เพราะเหตุผลนี้ครับ "กับดัก" ของนักศึกษาจบใหม่ หรือ มนุษย์เงินเดือน รุ่น Freshy หรือ ใครก็ตามที่ยังใช้จ่ายพอดีตัว (เดือนชนเดือน) ที่ยังไม่ทันได้รู้จักการใช้เงินให้เหมาะสม ก็มีคนมาเสนอ "เงินอนาคต" มาให้ใช้กันแล้ว 

แต่ใช่ว่าการเป็นหนี้จะไม่ดีครับ

การเป็นหนี้จะดีได้ ถ้าหากหนี้ก้อนนั้น สามารถสร้าง มูลค่า (Value) ให้คุณได้ เช่น 
  • หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 
  • หนี้ที่นำมาสร้างกิจการ 
  • หนี้ที่นำไปซื้อสินทรัพย์เพิ่มค่า อย่างเช่น บ้านและที่ดิน

ส่วนหนี้อย่างอื่น ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้คุณผู้อ่านเป็นหนี้ครับ อย่างเช่น กู้ซื้อรถ 

ดอกเบี้ยกู้ซื้อรถ ไม่สามารถจ่ายแบบ ลดต้น ลดดอก ได้เหมือนบ้าน เมื่อลองนำดอกเบี้ยที่ต้องเสียทั้งหมด รวมกับราคารถ อึ้งแน่นอน

ดอกเบี้ยกู้ซื้อรถ ยังไม่ค่อยหนักเท่าดอกเบี้ย บัตรเครดิต ,บัตรกดเงินสด ที่อัตราดอกเบี้ย 20% ขึ้นไป ทุกๆบัตร แถมวิธีการคิดดอกเบี้ยก็ บอกได้เลยครับหนี้บัตรแบบนี้แสนสาหัสครับ เจออิทธฤทธิ์ของดอกทบต้นเข้าไป ถ้าไม่รีบเคลียร์หนี้ให้หมด ต้องนอน ถอนหายใจ แล้วเอาหน้าผากก่ายเท้า แน่ๆครับ

ไว้ผมจะทำตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตมาให้ครับ
ผมทำตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตไว้ที่ ลิงค์ นี้แล้วครับ

โดยส่วนตัวผมมีบัตรเครดิตนะครับ ผมเอาไว้เผื่อจะซื้อของแล้วมีโปรโมชันบัตรเครดิต ก็จะใช้บัตรเครดิตรูดซื้อ แต่ ถ้าไม่มีโปรโมชันอะไร จ่ายเงินสด ไม่ก็ รูดด้วยบัตรเดบิต อย่างเดียวครับ ผมไม่ยอมเสียดอกเบี้ยเป็นอันขาด 

ถ้าครั้งไหนผมใช้บัตรเครดิต ถึงวันจ่ายผมก็จะจ่ายให้ครบตามที่รูดไปในครั้งแรกเลยครับ ไม่มีเสียดอกเบี้ย แน่นอน

และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่คนที่มีบัตรเครดิตไว้ครอบครอง ต้องฝึกหักห้ามใจตัวเองด้วยครับ เจอของที่อยากได้ แล้วก็รูดซื้อ เจออยากได้หลายๆอย่าง ถึงวันสรุปยอดมีซีดแน่นอน

ก่อนจะซื้ออะไรไตร่ตรองดูก่อน มันจำเป็นจริงๆหรือเปล่า ผมเคยเขียนเอาไว้แล้วเรื่องการจัดการกับความอยาก Part 3 ครับ ลองย้อนกลับไปอ่านดูครับ


ถ้าเป็นหนี้อยู่แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไรดี

การแก้ปัญหาการเป็นหนี้ ลองทำตามขั้นตอนนี้ครับ
  1. ลดรายจ่าย (Part1 พูดเรื่องลดรายจ่ายไว้ครับ)
  2. แยกแยะหนี้แต่ละก้อน และจัดลำดับความสำคัญไว้ครับ อันไหนต้องชำระก่อน-หลัง พวกดอกทบต้นรายเดือน แบบบัตรเครดิต สำคัญอันดับแรกเลย
  3. วางแผนการชำระหนี้ การชำระหนี้ต้องมีแผนครับ เช่นหนี้ ธ. ก.ไก่ เงินต้น+ดอกเบี้ย จะชำระหมดภายในเดือนไหน เราต้องรู้ครับ
  4. อย่าสร้างหนี้ใหม่ แน่นอนครับวงจรหนี้ จะหลุดออกมาได้ ต้องไม่สร้างหนี้เพิ่มด้วยนะครับ
  5. รีบเคลียร์หนี้ออกไปให้เร็วที่สุด
ทั้ง 5 ขั้นตอนนี้ ต้องทำความเข้าใจด้วยครับว่า ต้องใช้เวลา ต้องทำตามแผนที่วางไว้ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีวินัยและความอดทน

ทุกปัญหา มีทางออก ตั้งสติ แล้วคิดให้รอบครอบ วางแผนให้ดี แล้วทำตามแผน 

วิธีป้องกันก็คือ อย่าสร้างหนี้โดยไม่จำเป็น (โห เขียนง๊ายง่าย) ลองดูครับ คิด ก่อน จ่าย น่าจะทำให้ชีวิต ดี๊ ดี นะครับ


จะสังเกตได้ว่าในแต่ละ Part ที่ผมเขียนไว้จะเกี่ยวข้องกันหมด ใช่ครับมันเป็นพื้นฐานมากๆ ในการรักษาสุขภาพทางการเงินของเรา ใช้จ่ายอย่างมีสมอง ,ซื้อแต่ของจำเป็น (ลดความอยาก เพิ่มเหตุผล) , ถ้ามีหนี้ให้รีบเคลียร์, เงินเหลือก็เก็บออม

อ่อฝากกดไลค์ Page ด้วยครับ Wealthy  Story

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพทางการเงินที่ดี ไม่มีหนี้(ที่ไม่สร้าง Value)นะครับ 
ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 3 เพราะความอยาก

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 3 เพราะความอยาก


เรื่องความอยากได้ อยากมี อยู่ในตัวคนทุกๆคน จริงๆก็คือความโลภใช่มั้ยครับ แต่แปลกที่ว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่จะคิดได้ว่าสิ่งของเหล่านั้นที่เราอยากได้ มันจำเป็นหรือไม่ เพราะหากไม่จำเป็น ทำไมเราต้องเสียเงินเพื่อได้มันมาด้วยครับ แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยนครับ ลองยกตัวอย่างบ้าง

Ex1.สมมุติว่าคุณสามารถเดินทางไปทำงาน โดยการโดยสารรถเมล์ได้ ถามว่ามีเหตุจำเป็นอะไรครับที่ต้องออกรถใหม่เพื่อจะใช้ขับขี่ไปทำงาน

อาจจะได้ยินเหตุผลที่ว่า รอรถเมล์นาน ไปทำงานไม่ทัน สรุปปัญหานี้ ปัญหาคือไม่มีรถส่วนตัวจริงๆหรือเปล่า
ผมคิดว่าปัญหานี้แก้ที่ นอนเร็วกว่าเดิม ตื่นเช้ากว่าเดิม นอกจากไม่จำเป็นต้องเสียเงินออกรถใหม่ + ค่าน้ำมัน +พรบ. +ประกัน + ค่ายาง ค่าบำรุงรักษาอื่นๆ ยังช่วยให้นาฬิกาชีวิตคุณดีขึ้นอีกต่างหาก

Ex2.อีกตัวอย่าง เช่นการเดินทาง ต้องจ่ายค่าทางด่วนทุกๆครั้ง เพราะรถติด แก้ปัญหาแบบเดิมครับ ออกให้เร็วกว่าเดิม เผลอๆ คุณวิ่งเส้นทางปกติก็ถึงไวกว่าขึ้นทางด่วนแล้วเจอรถติดซะอีก ประหยัดค่าทางด่วนไปได้ ขั้นต่ำรอบละ 50 บาท ไป-กลับวันนึงก็ 100 บาท เดือนนึง ทำงาน 20 วัน ก็ 2,000 บาท เก็บเงินเหล่านี้ไปซื้อหนังสือมาพัฒนาความรู้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ตัวเราเองดีกว่าครับ

หลายคนบอกว่า รถเป็นสินทรัพย์ (Asset) ใช่ครับเป็นสินทรัพย์เสื่อมค่า ถ้าคุณใช้รถเพียงแค่เดินทาง มันมีแต่ค่าใช้จ่ายครับ หรือประโยชน์คือทำให้เราประหยัดเวลา ก็ย้อนกลับไปดูตัวอย่างแรกครับ ออกเร็วกว่าเดิม ใช้บริการขนส่งมวลชน (ประเทศญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่ใช้แต่ขนส่งมวลชนครับ ทำไมเค้าถึงไปทำงานกันทัน น่าคิดนะครับ)

สินทรัพย์เพิ่มค่า เช่น ที่ดิน หรือ สินทรัพย์ที่มูลค่าสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ที่ผมต้องการจะบอก ไม่ใช่ว่าห้ามซื้อรถนะครับ เพียงแต่จะบอกว่า มันจำเป็น และ สามารถซื้อมันได้จริงๆแล้วใช่มั้ย คิดให้ละเอียดครับ เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องซื้อรถเงินผ่อน นั่นล่ะครับภาระอันใหญ่หลวง แล้วไม่ใช่ส่งกันเดือน สองเดือน ของราคาแบบนี้ หลายปีครับ ทำให้เราหมดโอกาสนำเงินไปทำอะไรมากมายครับ เช่น พลาดโอกาสเก็บทองที่ลงไปกว่า 50% พลาดโอกาสหาที่อยู่อาศัยใหม่ เผื่อคุณจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ เพราะคุณมีภาระการผ่อนชำระอยู่ จะกู้เงินมาซื้อบ้านก็เป็นเรื่องลำบากครับ นอกจาก คุณจะกู้น้อยเพราะมีเงินเก็บจำนวนมากอยู่แล้ว (ถ้ามีเยอะมากๆ เอามาซื้อรถแบบไม่ต้องเสียดอกเบี่้ยดีกว่าครับ)

สุดท้ายครับ เรื่องอยากได้ ทุกคนมีความอยาก แต่จะจัดการกับความอยากนี้อย่างไรให้มีประโยชน์กับเรามากที่สุด การวิเคราะห์ว่า สิ่งใดจำเป็น สิ่งใดไม่จำเป็น (คิดแบบไม่อคติเข้าข้างตัวเองนะครับ) จะช่วยเราตัดสินใจได้ดี ว่าของสิ่งนั้นเราต้องซื้อจริงๆ หรือแค่อยากได้ อยากเท่ อยากคุยโว อยากโอ้อวด แต่ละอยากที่ยกตัวอย่างมา ถามว่าจำเป็นกับชีวิตหรือเปล่าครับ  (ยังมีผลกระทบในอนาคต เพราะอาจทำให้คุณไม่มีเงินเก็บด้วยนะครับใน ตอนที่แล้ว) ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องสร้างปัญหาทางการเงินให้กับตัวเราเองครับ คิดให้ละเอียด และถี่ถ้วน หากคุณกำลังตัดสินใจจะใช้เงินซื้อของ ของสิ่งนั้นจำเป็น หรือ แค่อยากได้

ตอนหน้าปัญหาเรื่องหนี้ ที่บั่นทอนชีวิต และจิตใจใครหลายๆคน กดไลค์แฟนเพจรอติดตามได้เลยครับ

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 2 ปัญหา ไม่ออมเงิน

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 2




คราวที่แล้วเราพูดถึงปัญหา รายได้น้อย/รายจ่ายเยอะ รวมถึงวิธีการแก้ไขปัญหา เล็กน้อยๆครับ

ปัญหาข้อต่อไป คือ ไม่ออมเงิน

ปัญหา ไม่ออมเงิน ปัญหาใหญ่มากๆๆๆๆ

เพราะว่าถ้าเราไม่ออมเงิน ไม่มีทางฟื้นจากความจนแน่นอน ผมขอยกตัวอย่างแบบเลวร้ายสุดๆไปเลย

Ex. สมมุติว่าคุณมีเงินเดือน 15,000 บาท มีภาระทางการเงิน เช่นผ่อนรถ จ่ายค่าเช่าห้อง เฉพาะ 2 อย่างนี้ ถ้าไม่ได้หารกับใคร ค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่คุณไม่ได้ใช้ก็ต้องจ่าย ก็ประมาณสัก 8,000 - 10,000 บาท  วันนึงมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น (ขอเน้นว่าไม่คาดคิดครับ เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน มันอาจจะไม่เกิดก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นล่ะ) 
เช่น เกิดอุบัติเหตุกับตัวเราเอง ,พ่อ-แม่เจ็บป่วยหนักกระทันหัน ,บริษัทที่ทำงานอยู่เลิกจ้าง (กรณีหลังสุดนี้เริ่มเห็นในข่าวบ่อยขึ้นนะครับ อย่างไรเราควรจะมีแผนสำรองไว้บ้าง) 
แต่ละเคสที่ผมยกขึ้นมา ถ้าไม่มีเงินเก็บ คุณจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไรครับ

ตัวอย่างนี้แก้ปัญหายากมากครับ เพราะว่าคุณมีหนี้อยู่ วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้คือ รีบปลดหนี้ให้เร็วที่สุดครับ บางคนอาจจะบอกว่าจะให้เร็วได้ยังไง ผ่อนรถ 48 เดือนอยู่ ยังส่งได้ไม่ถึงครึ่งเลย 

ตอบแบบตรงๆครับว่า กรณีนี้ต้องทำใจยอมรับครับ เพราะหนี้กู้ซื้อรถ มันไม่เหมือนบ้าน แบบจ่ายลดต้น ลดดอกได้ ถ้าทำได้ หนี้ก้อนนั้นจะหมดเร็วขึ้นครับ

วิธีป้องกัน ดังนี้ครับ

  1. เมื่อได้เงินเดือน ให้หักออก 20% เก็บเลยครับ (หากวางแผนแล้ว 20% เยอะไปให้เริ่มที่ 5% ครับ และทุกๆ 3 เดือนให้เพิ่ม 5% จนถึง 20% ถ้ามากกว่านั้นได้ก็จะยิ่งดีมากครับ) เงินเดือน 15,000 เก็บไป 3,000 บาท 80% ที่เหลือให้คุณใช้ทั้งเดือน 12,000 บาท คุณต้องอยู่ให้ได้ การยับยั้งชั่งใจก็เป็นตัวแปรสำคัญครับ เพราะมันจะทำให้คุณเป็นคนที่ ใช้เงินจำกัด แต่เก็บเงินไม่จำกัด
  2. ฝึกนิสัย ทำรายรับ-รายจ่าย เพื่อสิ้นเดือนเราจะมาสรุปดูครับว่า เรายังสามารถลดอะไรที่ไม่จำเป็นได้อีกบ้าง ผมเน้นคำว่าฝึกหนักมาก เพราะว่า หลายๆคนคง คิดอยู่ในใจว่า ทำงานก็เหนื่อยแล้ว ทำไมเราต้องมาลงรายรับรายจ่ายด้วย ถ้าคุณคิดแบบนั้น บอกเลยครับว่า จนตลอดชีวิต แน่นอน ต้องฝึกให้เป็นนิสัย และจะทำให้เรามีวินัยด้วยครับ
  3. ต้องมีวินัย คือ ทำให้เป็นประจำสม่ำเสมอ เก็บทุกๆเดือน ทำรายรับ-รายจ่ายทุกๆวัน
  4. ข้อนี้สำคัญมากครับ  ถ้าเป็นไปได้ อย่า เป็น หนี้ ศัตรูตัวร้าย ของการออมเงินก็คือ หนี้ ครับ พวก 0% 10 เดือน บ้าง ผ่อนของใช้ทั้งหลายบ้าง 

ลองคิดดูครับ เงินคุณต้องเก็บ 3,000 อยู่แล้ว ผมบังคับเก็บ 20% ของเงินเดือน  สมมุติเงินที่คุณเหลือใช้ทั้งเดือน 12,000 บาท พอคุณผ่อนของปุ๊ป เดือนละ 3,000 บาท สมมุตว่าผ่อน Iphone 6 คุณเหลือเงินสำหรับกิน อยู่ 11,000 บาท ผมว่าไม่พอหรอกครับ สมมุตค่าห้องเช่า สัก 5,000 รวมค่าน้ำ ค่าไฟด้วย เหลืออีก 6,000 คุณกิน+เดินทางได้วันละ ไม่ถึง 200 บาท

เทคนิคการเก็บเงิน
  1. เก็บแบงค์ 50 บาท คือ หวงหนักมากครับ หวงพอๆกับเหรียญสิบเลย (เพราะเหรียญสิบบาทผมต้องใช้ซักผ้า) พอได้แบงค์ 50 ทอนมาปุ๊ป คือเข้าซอกกระเป๋าไปเลยครับ อย่าเอามาปนกับเงินที่ใช้จ่ายปกติ จริงๆ แยกที่เก็บไปเลยก็ดีครับ แต่สำหรับคนที่แบบ มันจะใช้จ่ายได้พอดีเดือนจริงๆ แบงค์ 50 เก็บใส่กระเป๋าสตางค์เลยครับ (เผื่อฉุกเฉินเงินหมด ต้องใช้เดี๋ยวนั้น แต่ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้ พอสิ้นเดือน เอาเงินส่วนนี้เก็บเข้าบัญชีเงินออมไปด้วยเลยครับ)
  2. นอกจากที่ผมแบ่งเงินเก็บก่อน ใช้ทีหลังแล้ว หากใช้เหลือผมก็เอามาเก็บอีกเช่นกัน
  3. สำหรับคนชอบช้อปปิ้ง ใช้เท่าไร ต้องเก็บ 10% ที่ใช้ไป ข้อนี้ลำบากครับ ต้องมาแบ่งเก็บทีละครั้งๆ มีโอกาสผิดวินัยสูงมาก (ผมไม่ได้ใช้ เพราะไม่ค่อยช้อป ฮ่าๆ)
สุดท้ายครับ : สร้างความมีวินัยทางการเงินให้กับตัวเองครับ การเงินของเราเอง เราสร้างมันได้เอง และพังมันได้เองเช่นเดียวกันครับ ขอให้ทุกคนสามารถเก็บเงินได้ครับ

ท่านผู้อ่านคนไหนอยากแชร์เทคนิคเก็บเงินดีๆ เจ๋งๆ แชร์กันได้ตามสบายที่คอมเม้นท์ข้างใต้ได้เลยครับ

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 1

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาเรื่องเงินกันนะ ?? Part 1


มีคำพูดเล่นๆว่า เงินเดือนอยู่กับเราถึงวันที่ 5 มาม่า อยู่กับเราถึงสิ้นเดือน ผมว่าอาจจะจริงนะ บางคนอาจจะอยู่ตั้งแต่กลางเดือน หรือ ปลายๆเดือน แต่จริงๆแล้ว เราสามารถทำให้ไม่ต้องเจอมาม่าเลยก้ได้ครับ (เจอไวไวแทน ไม่ใช่แล้วว >,<)

สาเหตุหลักๆของปัญหา คือ 

  1. รายได้น้อย/รายจ่ายเยอะ
  2. ไม่ออมเงิน
  3. ความคิดที่อยากได้ อยากมี สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
  4. เป็นหนี้
ผมขอพูดในมุมของมนุษย์เงินเดือนอย่างผมนะครับ โพสต์นี้ขอข้อแรกก่อน

1. รายได้น้อย/รายจ่ายเยอะ


1.1 รายได้น้อย

การแก้ปัญหา รายได้น้อย อย่างง่ายๆเลยครับ ต้องอัพเกรดทักษะการทำงานของตัวเอง การเก็บเกี่ยวประสบการณ์เอามาใช้โยชน์ให้ได้มากที่สุด และหารายได้เสริมครับ

ผมว่าหลายๆคนอาจจะคิดว่ามันช้าไปบ้าง มันต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อไปเรียนบ้าง แค่รายได้ตอนนี้ก็เดือนชนเดือนแล้ว แค่ทำงานปกติวันนึงก็เหนื่อยแล้ว ขอเวลาพักผ่อนบ้าง จริงๆแล้วมันอยู่ที่ความคิดและการจัดการทั้งปัญหา และเวลาของเราครับ

  • การอัพเกรดทักษะการทำงาน มันทำได้หลากหลายวิธีครับ ความรู้ฟรีๆบน Internet มีมากมายครับ อาจจะยากตรงที่ไม่มีคนป้อนให้ตามที่เราอยากรู้ครับ แต่ผู้สอนบางท่านก็ให้ข้อมูลไว้เพื่อติดต่อภายหลังได้ครับ เรามีข้อสงสัยอะไร ก็ติดต่อตามที่ผู้สอนให้ไว้ สมัยนี้มี Social Media ทำให้ติดต่อได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
  • การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเอามาใช้ประโยชน์ เรื่องนี้จะใช้เวลานานหรือไม่นานขึ้นอยู่กับ ปัญหาที่เราเจอและหาทางแก้ไขมันครับ ผมเชื่อว่าในทุกปัญหา มีโอกาสซ่อนอยู่ ยกตัวอย่าง หากทีมงานของคุณกำลังคิดแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ คุณลองคิดไตร่ตรอง พิจารณาอย่างถี่ถ้วนครับ ว่าเราน่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง ลองเสนอวิธีการแก้ปัญหานั้นดูครับ วิธีนี้นอกจากทีมจะได้ไอเดียหลากหลายในการแก้ปัญหาแล้ว ผู้ใหญ่ในองค์กร หรือหัวหน้า(ที่ดี)ของคุณ จะมองว่าคุณสามารถพึ่งพาได้ องค์กรหลายๆองค์กร ต้องการคนแบบนี้ครับ.
  • การหารายได้เสริม เรื่องรายได้เสริมนี้ อาจจะไม่ต้องทำ หลังเลิกงาน จันทร์-ศุกร์ ก็ได้ครับ ลองส่องกระจกแล้วมองตัวเองครับ ลองคิดดูว่าเราชอบทำอะไร พอเราคิดออกแล้ว ให้เราลองทำไปก่อนครับอย่าพึ่งไปคิดถึงว่า ต้องได้รายได้เท่านั้นเท่านี้ ถ้าคิดแบบนั้นจากที่ได้ทำอะไรที่ชอบ กลายเป็นไม่ชอบแน่ๆครับ เช่น ชอบเล่นดนตรี ก็ลองอัดคลิปลง YouTube แชร์ให้เพื่อนๆใน Social Media ต่างๆ ไม่ต้องเขินครับ มันอาจจะดีก็ได้ วันนึงคุณอาจจะได้รายได้จากการที่คุณโชว์ร้องเพลงที่คุณชอบก้ได้ครับ อย่างค่าโฆษณาบน YouTube เอง หรือมีแบรนด์ต่างๆ มาให้คุณใช้สินค้าของเขาเพื่อโปรโมทสินค้าก็ได้ครับ 

การเลือกงานที่จะทำ เรื่องนี้ก็เป็นการป้องกันปัญหาอีกวิธีหนึ่งครับ สังเกตครับ ทุกๆองค์กรตำแหน่งที่รายได้ดี จะเป็นตำแหน่งที่หารายได้ให้กับองค์กรนั้นๆครับ เช่น พนักงานขาย นักการตลาด โบรกเกอร์ ฯลฯ เพราะว่าคนที่หารายได้ให้องค์กรได้มาก องค์กรก็อยากจะรักษาคนนั้นไว้ เพื่อที่จะหารายได้ให้กับองค์กรต่อไป แน่นอนครับก็ต้องเลี้ยงเราด้วยเงินเดือนที่มากกว่าตำแหน่งทั่วๆไป 

แต่มันเป็นดาบสองคม อ้าวว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ (ขอเน้นขีดเส้นใต้ตัวหนาเลยครับ) เพราะว่าการที่เราเลือกงานมากๆ หากเราตกงานหรือไม่มีรายได้อยู่ ณ ตอนนั้น กลายเป็นเรื่องที่เสี่ยงหนักกว่าการมีรายได้น้อยอีกครับ ยิ่งถ้าคนที่ต้องห่างไกลบ้าน อยู่ตามห้องเช่า หอพัก จะมีรายจ่ายเข้ามาทุกๆเดือน ไหนจะค่ากิน ที่มีมาทุกๆวัน ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับชีวิตของคุณแล้ว ผมขอแนะนำว่า งานอะไรก็ทำไปก่อนครับ อย่างน้อยๆก็ควรมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และไม่ให้เป็นหนี้(ค่าเช่าต่างๆ)ได้ครับ


1.2 รายจ่ายเยอะ

การแก้ปัญหา รายจ่ายเยอะ ในความคิดของผมมันเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไปครับ อันดับแรกเลย ทดลองทำรายการ "รายรับ-รายจ่าย" ดูครับ ว่าในแต่ละเดือนนั้นคุณมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เท่าไร จากนั้นลองพิจารณาดูว่า รายจ่ายของคุณ รายการไหนบ้างที่จริงๆแล้วไม่จำเป็น เช่น กาแฟแก้วละ 150 บาท จำเป็นจริงๆมั้ย หรือเราจะกินกาแฟ 3 in 1 แทนดี ชงแล้วใส่แก้วที่ซื้อจากร้าน "แมลงดาว" ก็ได้ครับ ดูหรูหราเหมือนกัน ฮ่าๆ 

สมมุติ ทำงาน 20 วันต่อเดือน เปลี่ยนจาก 150 บาท * 20 = 3,000 บาท ต่อเดือน (ผมไม่แน่ใจว่าซองเท่าไรนะครับ ผมกินกาแฟออฟฟิต เพราะว่ามันฟรี แต่อร่อยน้อยหน่อย แต่ผมเอาแค่ไม่หลับครับ อร่อยเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเท่าไร) เป็น 15 บาท * 20 = 300 บาทต่อเดือน มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอีก 2,700 บาท 

ถ้าคุณเป็นหนี้อยู่ ก็สามารถเอาเงินส่วนหนี้ไปใช้หนี้ได้บ้าง หรือถ้าคุณใช้เงินเดือนชนเดือน ก็นำเงินส่วนนี้ ไปเป็นเงินเก็บก้ได้ครับ

จบแล้ววว ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนให้ยืดยาวขนาดนี้เลยครับ ผมอยากเขียนสั้นๆเพื่อให้เพื่อนได้อ่านกันสบายๆ ไม่หนักจนเกินไป อย่างไรก็ตาม คุณผู้อ่านทดลองนำไปใช้ดูครับ ผมเชื่อว่า คนเราตั้งใจทำอะไร จนถึงที่สุดแล้ว ย่อมประสบความสำเร็จแน่นอนครับ ใครอยากแชร์ หรือ ติ-ชม คอมเม้นท์ใต้โพสนี้ได้เลยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

สวัสดีครับ

ขอเกริ่นนำสักนิดครับ 

ตัวผมเพิ่งเรียนจบ และทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เพื่อนๆของผมก็เริ่มทยอยแต่งานกันไป บางคนถึงกับมีลูกแล้ว เลยกลับมาคิดย้อนดู ทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง ว่าจริงๆแล้วเราเตรียมตัวเพื่ออนาคตไว้ดีพอแล้วหรือยัง เตรียมตัวเพื่ออนาคตในที่นี้ คือ การเก็บออม การลงทุน การหาความรู้ เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง จึงอยากแจะแชร์ ประสบการณ์ มุมมอง คำแนะนำ หรือข้อคิดสะกิดใจ ให้คนอื่นบ้างครับ

ทำไมถึงอยากจะแชร์เรื่องราวเหล่านี้

เนื่องจากผมรู้สึกได้ครับว่า การวางแผนเพื่ออนาคต ของผมเองและคนใกล้ตัวหลายๆคนมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร 

สาเหตุของความแตกต่างนั้น (ผมขอเดาว่า) น่าจะเป็นเพราะเรื่องโสด กับ มีแฟนแล้ว คือ คนที่มีแฟนแล้วจะมองถึงอนาคต "เพื่อเรา" มากกว่าคนโสดจะมองความสุขปัจจุบัน "เพื่อตัวเอง"

เรื่องการวางแผน ไม่ว่าจะเป็นการทำอะไรก็ตาม ผมคิดว่า "เราควรมีแผน" ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น การใช้ชีวิตไปวันๆ ไปตายเอาดาบหน้า ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อการดำเนินชีวิตภายหลังแน่นอนครับ

ตอนนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะแชร์มากมาย จะทยอยเขียนให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ :D