วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลักษณะของคนที่มักจะประสบความสำเร็จในชีวิต

ลักษณะของคนที่มักจะประสบความสำเร็จในชีวิต

วันนี้เรามาดูกันครับว่า ลักษณะของคนที่มักจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การดำเนินชีวิต หรือแม้แต่การลงทุน มีลักษณะอย่างไรกันบ้าง

1. ความมีวินัย เรามักจะพบเห็นว่า เจ้าของกิจการใหญ่โต มักจะมีวินัยในการทำงาน หรือแม้กระทั่งวินัยในการใช้ชีวิต โดยไม่ตึง หรือ หย่อนจนเกินไป

ตื่นเช้ามากๆ เพื่อมาวางแผนการทำงานในแต่ละวัน หรือ อัพเดตความเคลื่อนไหวของโลกผ่านข่าวสารต่างๆ

เข้างาน-เลิกงานตรงเวลา เพราะว่าพวกเขาได้วางแผนไว้แล้วว่าวันนี้จะทำอะไรแล้วพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ ตามแผนที่วางไว้ เวลาหลังจากเลิกงานก็คือเวลาของครอบครัว หากทุ่มเวลาให้กับงานมากเกินไป ครอบครัวก็อาจจะไม่มีความสุขนะครับ

เก็บเงินลงทุนในทุกๆครั้งที่เงินเดือนออก นอกจากจะช่วยจำกัดค่าใช้จ่ายจุกจิกที่เรามักจะใช้จ่ายเป็นปกติเพราะเห็นเงินยังเหลือเยอะอยู่แล้ว ยังช่วยสร้างฐานะให้เราได้ในอนาคตด้วยครับ แต่หากมีเท่าไรใช้หมด ปลายเดือนชนกลางเดือน กลางเดือนถึงปลายเดือนพึ่งพา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อันนี้ก็จะหย่อนเกินไป หรือ มีเท่าไร เก็บหมด ไม่ใช้เลยแม้แต่บาทเดียว กินข้าวบ้าน ค่าน้ำ-ไฟ ให้ที่บ้านออก อันนี้ก็ตึงเกินไป ไม่ดีครับ

2. มีแผนและเป้าหมาย อย่างที่กล่าวไปในข้อแรก พื้นฐานของความสำเร็จ ก็คือ การวางแผน เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม

หากคุณไม่ได้มีการวางแผน หรือเป้าหมายที่ชัดเจน ให้นึกถึงต้นทุนที่เสียไปก็คือเวลา เวลามีค่ามาก และไม่เคยรอใครครับ ดังนั้นแล้ว 24 ชั่วโมงที่มีเท่ากันทุกคน ใครวางแผน เพื่อพิชิตเป้าหมาย และใช้เวลาได้คุ้มค่ามากกว่า ก็คือผู้ชนะ

หรือวางแผนเก็บเงินซื้อบ้าน ภายในเวลา X ปี เราต้องเก็บเงินปีละเท่าไร อันนี้ก็เป็นการวางแผนที่ง่ายๆ และเป้าหมายที่ชัดเจน

3. ทัศนคติที่ดี การมีความคิด และมุมมองในเชิงบวก (จริงในเชิงลบก็มีข้อดีที่ต่างกันออกไปนะครับ ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน ไม่ถนัดเลยครับ 555) การมีความคิดและมุมมองในเชิงบวกดีอย่างไร

คุณเคยคิดมั้ยครับว่า หัวหน้าแจกงานมาให้อีกแล้ว อันเดิมก็ยังไม่เสร็จเลย งานกองล้นท่วมหัว อันนี้คือความคิด และมุมมองเชิงลบ หากเรามองว่า งานที่เข้ามาเหมือนเป็นการเก็บ level (วกเข้าเกมเฉย) ยิ่งคุณใช้เวลาเพื่อทำงาน มากกว่าใช้เวลาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ประสบการณ์คุณก็มากตามไปด้วยครับ

หรืออย่างเช่น การเจอโอกาสในภาวะวิกฤต ยกตัวอย่างง่ายๆ ดร.นิเวศน์ กูรูการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) หากใครลองอ่านประวัติของ ดร.นิเวศน์ จะรู้ว่าหากไม่มีปี 40 วิกฤตต้มยำกุ้งในวันนั้น อาจจะมีมี ดร.นิเวศน์ อย่างในวันนี้ เพราะว่า ดร.นิเวศน์ กำลังมองหาทางออกให้กับวิกฤตของตัวเองอยู่ แล้วก็เกิดไอเดียขึ้นมา ทำให้ ดร.นิเวศน์ ได้เจอหุ้นที่ดีและราคาถูกมากๆ อยู่ในตลาดเต็มไปหมดเลย (ได้เวลา shopping)

4. ยอมรับความผิดพลาด และหาหนทางแก้ไขมัน จากประสบการณ์ของผมเอง เจอหลายคนมากที่ สร้างความผิดพลาดและความเสียหายให้กับตนเอง แต่โทษโชคชะตา ฟ้าดิน โทษหิน โทษทราย  คนแบบนี้ก็หวังแต่สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแล้วตัวเขาเองจะประสบความสำเร็จ (ลมๆแร้งๆมาก) ไม่มีหรอกครับแบบนั้น

หากเรารู้ว่าความผิดพลาดที่แท้จริงแล้ว เกิดจากอะไร แล้วเราลุกขึ้นมาแก้ไขมันได้อย่างตรงจุด ไม่เพียงแต่อุปสรรคที่ผ่านพ้นไป แต่จะมีประสบการณ์ติดตัวมาให้คุณอีกด้วย

หลายครั้งที่นักลงทุนระดับเซียน เช่น Warren Buffet คิดและตัดสินใจผิดในการลงทุนกิจการอะไรก็ตาม หากแม้จะขาดทุน แต่เขาก็รีบแก้ไข โดยการขายหุ้นทิ้งไปซะ แล้วหากิจการใหม่เพื่อลงทุน หากเสียดายกลัวขาดทุนแล้ว ราคาหุ้นก็ลงไปเรื่อยๆ ป่านนี้คงจะเจ๊งนะครับ :D

5. มีความตั้งใจ อย่างจริงใจ ที่จะทำการใดๆให้ประสบความสำเร็จ หากการทำงานแบบลวกๆ ขอให้เสร็จเสียที ผลงานก็จะออกมาไม่ดี feed back หรือเสียงตอบรับกลับมาก็คงจะไม่มีตามไปด้วย หากแต่เราตั้งใจ อย่างจริงใจในการทำงานแล้ว ผมเชื่อว่าผลงานที่ออกมานั้นต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแน่นอน อย่างน้อยๆก็มีข้อผิดพลาดน้อยลงกว่าเดิมมากๆ

เรื่องการ Focus ในสิ่งที่เราทำอยู่นั้นเป็นการเสริมสร้างสมาธิอีกทางหนึ่ง นอกจากจะได้ผลงานที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีสมาธิที่ดีขึ้นอีกด้วย (เจ๋งอะ)

6. รักในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ การพัฒนาตนเองไม่ว่าจะในเรื่องใดๆ มันจะสร้างผลประโยชน์ให้เราได้เสมอๆครับ การอ่านหนังสือก็เป็นพื้นฐานในการพัฒนาตนเองอย่างหนึ่ง

ที่ผ่านมาผมเคยคิดนะว่า หนังสือเล่มนึง 200-300 บาท แพงอะ ไว้ก่อนแล้วกันๆ วันนึงผมกลับมาคิด บางทีเราก็ไปกินร้านอาหารที่ราคา มันแพงกว่านี้มากๆ ทำไมเราก็ยังจ่ายได้ หนังสือถูกกว่าครึ่ง ทำไมเราไม่ยอมจ่าย

หลังๆความสุขของผมคือการมีความรู้ในสิ่งที่ผมสนใจมากๆ ชอบที่จะศึกษาและแชร์ให้คุณผู้อ่านที่ติดตามบล๊อกของผมอยู่ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นไปตามๆกัน ผมใช้การแชร์ความรู้มาเป็นตัวบังคับผมไปอีกทางหนึ่ง(แต่ชอบนะ) เพราะว่า การจะแชร์อะไรก็ตามให้คนทั่วไปได้รับรู้นั้น แสดงว่าเราต้องมีความรู้และตกผลึกได้แล้ว(หรือคิดได้นั่นแหละครับ)

สุดท้าย หวังว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้ของผม จะเริ่มต้นเดินทางไปสู่ความสำเร็จไปด้วยกันครับ ผมเองยังไม่ประสบความสำเร็จครับ แต่ผมคิดว่าทางที่ผมเดินอยู่นี้ มันต้องไปถึงจุดหมายนั้นแน่นอน แล้วคุณล่ะ

ปล.ฝากติดตาม Blog และ Facebook Page ของผมด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลงทุนในอะไรเป็นการลงทุนที่ได้กำไรมากที่สุด?

ลงทุนในอะไรเป็นการลงทุนที่ได้กำไรมากที่สุด?

คนส่วนมากจะสนใจการลงทุนที่ให้กำไรสูงสุดครับ แต่กลับไม่สนใจว่า ทำอย่างไรจึงจะลงทุนแล้วได้กำไรมากที่สุด มันแตกต่างกันนะครับระหว่าง ลงทุนอะไรแล้วได้กำไรมากที่สุด กับ ทำอย่างไรจึงจะลงทุนแล้วได้กำไรมากที่สุด

เราคงเคยได้ยินว่า ลงทุนในหุ้นสิผลตอบแทนสูงนะ ใช่ครับผลตอบแทนสูงจริงๆ แต่เราอาจจะไม่ได้นึกความเสี่ยงที่จะทำให้เราขาดทุน คำถามคือ คุณยอมรับความเสี่ยงนั้นๆ แล้วจัดการความเสี่ยงนั้นๆได้อย่างไร?

การลดความเสี่ยงอันดับแรกที่เราสามารถทำได้ คือ การหาความรู้ในการลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆ เช่นถ้าคุณสนใจในการลงทุนหุ้น ต้องรู้ก่อนว่า การลงทุนในหุ้นมีแบบใดบ้าง เช่น การซื้อขายเก็งกำไร ,การศึกษากิจการ แล้วเข้าซื้อหุ้นเพื่อเติบโตไปกับกิจการนั้นๆ คำตอบเหล่านี้เป็นการเริ่มต้นในการเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายของเราครับ

เมื่อเราค้นพบแล้วว่าเราต้องการลงทุนในหุ้นแบบไหน เราก็ต้องโฟกัสในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการ เพื่อลงทุนในวิธีที่เราสนใจ

ยกตัวอย่างเช่น ผมต้องการซื้อขายหุ้นเพื่อเก็งกำไร แล้ววิธีการเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเก็งกำไร ทำอย่างไร เช่น ศึกษาวิธีการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อค้นหาจุดเข้าซื้อ และจุดทำกำไร หรือจุดขายเพื่อหยุดการขาดทุน (Stop Loss) เป็นต้น

มาถึงตรงนี้สังเกตเห็นอะไรไหมครับ สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคือ ก่อนที่เราจะไปลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม เราควรลงทุนในความรู้ของเราเสียก่อน สำหรับตัวผมเอง จุดประสงค์รองคือการทำกำไรให้ได้มากที่สุด จุดประสงค์หลักคือการทำให้ความเสี่ยงให้น้อยที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นกับเงินของเรา

ทำไมผมจึงสนใจในการทำกำไรเป็นเรื่องรอง เพราะว่าเงินของเรามีจำกัดครับ หากผมมองเห็นการทำกำไรที่สูงมากๆ แต่เสี่ยงที่จะหมดตัวหรือเจ๊ง ผมเลือกที่จะเสี่ยงไม่มาก แล้วได้กำไรพอประมาณจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็ยังพอจะรักษาเงินต้นไว้ได้ หรือเสียเงินต้นไปไม่มาก เมื่อเราศึกษา พร้อมกับสะสมประสบการณ์ ทำให้เราเชี่ยวชาญแล้ว เราจะสามารถทำให้ความเสี่ยงน้อย และสามารถกำไรเพิ่มขึ้นมากๆได้

ดังนั้น การลงทุนที่ได้กำไรมากที่สุด คือ การลงทุนในความรู้ ยิ่งคุณมีความรู้มากๆ ความเสี่ยงคุณจะน้อยลงๆ อาจจะได้ของแถมคือความสามารถในการต่อยอดอีกด้วยครับ แต่หากคุณไม่มีความรู้อะไรเลย การลงทุนก็เหมือนเอาเงินไปให้คนอื่น หรือไม่ต่างอะไรจากการพนันสักเท่าไรครับ หากมีเวลาว่างก็หาความรู้เพื่อเตรียมตัวที่จะลงทุนไว้ด้วยนะครับ

ฝากติดตาม Blog ของผม หรือ Like Page WealthyStory ด้วยนะครับ แล้วผมจะเสิร์ฟความรู้ในการเงิน การลงทุนให้ถึงหน้าจอของคุณครับ