วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

ลงทุนหุ้นแบบ VI เป็นอย่างไร?

ขออภัยที่ช่วงก่อนหน้านี้หายไปนานครับ ติดภาระกิจงานประจำอันหนักหน่วง ฮ่าๆ เอาเป็นว่าจะกลับมาทยอยชดเชยความรู้ให้นะครับ

ลงทุนหุ้นแบบ VI เป็นอย่างไร?

นักลงทุนที่พึ่งเข้าตลาดมาใหม่ คงได้ยินคำว่า VI ได้บ่อยๆนะครับ (ผมขอแชร์ประสบการณ์ของผมนะครับ)

     VI หรือ Value Investment คือ การลงทุนโดยสนใจในมูลค่าของธุรกิจนั้นๆเป็นหลัก โดยตัวมูลค่าของธุรกิจนั้นๆ เราสามารถหาได้จากงบการเงิน (งบดุล งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ งบกระแสเงินสด เยอะไปนะ =_=)
   
     แต่อันที่จริงแล้ว ผมจะไม่สนใจตัวเลขมากมายขนาดนั้น อาจจะหามูลค่าเหมาะสมจาก PE (Price to Earning) หรือ PBV (Price to Book Value) แทนก็ยังได้ครับ ทั้ง 2 ตัวนี้ มีบอกในเว็บของตลาดหลักทรัพย์

     ค่า PE จะตีความได้ว่า อีกประมาณกี่ปีจะคืนทุนให้เรา เช่น PE = 10 ก็คืออีก 10 ปี ถึงจะคืนทุนให้เราครับ
    ค่า PBV จะบอกถึงราคานั้นสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของกิจการ อยู่เท่าไร เช่น PBV = 1 แสดงว่า ราคาที่เราซื้อก็ได้เท่าๆกับมูลค่าทางบัญชี แต่ส่วนใหญ่ ธุรกิจดีๆ ราคามักจะเกิน มูลค่าทางบัญชีไปเยอะแล้วครับ

     ปัญหาคือ ค่า E (EPS กำไรต่อหุ้น) และ BV (Book Value มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น) เป็นค่าที่มันเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต (งบปีล่าสุด) ดังนั้น ค่า PE และ PBV ในเว็บก็จะเป็นค่าที่คำนวณจาก ราคาปิดล่าสุด หารด้วย E หรือ BV ของงบปีล่าสุด ซึ่งดูจะล่าช้าเกินไป

     วิธีแก้(ของผมนะ) ลองหาข้อมูลย้อนหลังกลับไปให้ได้มากที่สุดครับ (เกิน 10ปี จะดีมาก เพราะว่าธุรกิจนั้นผ่านมาครบ 1 วงจรเศรษฐกิจ จะผ่านมาทุกเหตุการณ์ ดี ร้าย น้ำท่วม ม๊อบ ฯลฯ) แล้วลองดูค่า E หรือ EPS (ตัวเดียวกันนะ) ที่ผ่านมา มาอัตราการเติบโตเป็นอย่างไร
    จากนั้นก็ลองประเมินดูว่าปีนี้จะสามารถทำได้แค่ไหน ซึ่งมันจะค่อยๆเฉลยออกมา ทีละไตรมาสล่าสุดครับ

    การประเมิน อาจจะยากสักหน่อย ดังนั้น การลงทุนแบบ VI จึงควรลงทุนในธุรกิจที่เรารู้จักดี เราใช้บริการบ่อยๆ เรามีความรู้จักคุ้นเคย ในสินค้า หรือ บริการธุรกิจนั้นๆ พร้อมกับติดตามข่าวสาร เศรษฐกิจ ในประเทศนอกประเทศ เพื่อดูสภาพแวดล้อม และในมาประเมินความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจนั้นๆว่า ไปได้อย่างสวยๆ หรือไปได้อย่างฝืดๆ หรือจะไปไม่รอด สิ่งเหล่านี้นักลงทุนแนว VI ก็ควรจะทำได้ครับ

     หากเราประเมินออกมาแล้วว่า กำไรต่อหุ้น ในอนาคตน่าจะอยู่สักเท่าไร ลองเอามา x กับค่า PE ที่ได้จากเว็บตลาดหลักทรัพย์ดูครับ ค่าที่ออกมาจะเป็นราคาในอนาคต (ความแม่นขึ้นอยู่กับความสามารถในการประเมินนะครับ)

     หรือวิธีข้างต้นยากไป ก็ดู PE ล่าสุดนี่แหละครับมีค่าเท่าไร เรายอมรับได้มากสุดที่กี่ปีคืนทุน เช่น อยากได้ 1 ปีคืนทุนเลย ก็รอดูค่า PE = 1 ก็ซื้อมันตอนนั้นครับ (ไม่วิกฤตรุนแรงจริงๆ ผมว่ายากมาก ที่จะได้ PE ต่ำๆ) ช่วงที่รอราคาลงก็เก็บเงินเข้าพอร์ต หรือเอาไปฝากไม่ประจำรับดอกเบี้ยไปก่อนก้ได้ครับ

     แต่!!! ขอเตือนตัวใหญ่ๆครับ การประเมินพวกนี้ ควรจะดูพื้นฐานของธุรกิจให้ออกก่อนนะครับว่า ธุรกิจนั้นดีจริงๆมั้ย หรือดีแค่ช่วงนี้ ความสามารถในการทำกำไรในอนาคต ยั่งยืนหรือไม่ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องซีเรียสครับ ไม่งั้นคุณจะเสี่ยงไปหาหุ้น PE ต่ำๆ แต่จริงๆแล้วต่ำเพราะว่า ที่ผ่านทำกำไรสู้คู่แข่งไม่ได้ อันนี้จะเงิบนะครับ

     ยังจำวิธีการลงทุนด้วย DCA ได้มั้ยครับ VI จะต่างกันอยู่ตรงที่ VI รอให้ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่คิดได้ แล้วค่อยซื้อครับ ต่างจาก DCA ที่ดู ok หุ้นนี้ดี ซื้อเก็บทุกๆเดือน ด้วยเงินเท่าๆกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับว่าชอบแบบไหน ถูกใจแบบไหน ก็ใช้วิธีลงทุนแบบนั้นไปครับ

     ปล. อย่าลืมตามมากด Like ที่เพจ https://www.facebook.com/WealthyStoryTH ด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ในเพจผมใจโพสข้อความเล็กๆน้อยๆ ทั้งเรื่องเงิน และเรื่องพัฒนาตนเองครับ ใครสนใจกด Like รอไว้ได้เลยครับ
     ปล2. มีข้อสงสัยส่ง Inbox ใน page มาถาม ได้เลยนะครับ ในนั้นผมจะตอบได้เร็วกว่า :D

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น